Як розрізнити траст, REIT та інвестиційний фонд: що потрібно знати інвесторам

สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจบริหารทรัพย์สินผ่านช่องทางการลงทุน หลายคนอาจสับสนระหว่าง ทรัสต์ กับ REIT และกองทุนรวม แม้ว่าทั้งสามเป็นเครื่องมือการบริหารสินทรัพย์ แต่โครงสร้างและการทำงานของพวกเขานั้นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้และตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น

ทรัสต์ในประเทศไทยมีรูปแบบใดให้เลือก

ในประเทศไทย คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อนุญาตให้จัดตั้งทรัสต์เพื่อจุดมุ่งหมายในการระดมทุนในตลาดทุนเท่านั้น โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก

ทรัสต์ประเภทกลับมีผลผลิต (Active Trust) ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อให้สินทรัพย์เกิดผลตอบแทน ตัวอย่างเช่น ทรัสต์สำหรับนักลงทุนสถาบันและผู้มีเงินทุนสูง (II/HNW Trust Fund) หรือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่คุณรู้จักกันในชื่อ REIT

ทรัสต์ประเภทเพื่อการเก็บรักษา (Passive Trust) มีวัตถุประสงค์ในการดูแลรักษาสินทรัพย์ ได้แก่ ทรัสต์เพื่อโครงการ ESOP สำหรับให้กรรมการและพนักงาน ทรัสต์สำหรับความร่วมมือระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง (EJIP) หรือทรัสต์เพื่อตั้งเงินสำรอง (Reserve Account) เพื่อชำระหนี้พันธบัตรต่าง ๆ

ปัจจุบันเกือบทั้งหมดที่จัดตั้งในไทยมีลักษณะเป็น REIT ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในตลาดไทย ทรัสต์มักถูกนำมาใช้สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก

ทรัสต์ คือ อะไร: รากฐานของการบริหารทรัพย์สิน

ที่มาของคำว่า ทรัสต์ นั้นมีรากเหง้ามาตั้งแต่ยุคโรมัน แต่ถูกนำมาพัฒนาและใช้งานกันอย่างแพร่หลายในยุคกลางของอังกฤษ ขุนนางที่ต้องออกรบจะมอบที่ดินให้กับบุคคลที่ไว้วางใจ เพื่อให้นำกำไรมาส่งต่อให้ครอบครัวของขุนนางนั้น

ในแง่กฎหมายและการลงทุนสมัยใหม่ ทรัสต์คือระบบทางกฎหมายที่ใช้ในการบริหารสินทรัพย์ โดยบุคคลที่เรียกว่า ทรัสตี (Trustee) จะได้รับการโอนทรัพย์สินจากเจ้าของ เพื่อนำไปบริหารตามความประสงค์ของเจ้าของและสร้างผลตอบแทน จากนั้นส่งผลประโยชน์ที่ได้กลับให้กับผู้รับประโยชน์ (Beneficiary)

ทรัพย์สินที่จัดการภายใต้ทรัสต์อาจเป็นเงินทุน อสังหาริมทรัพย์ หุ้น พันธบัตร ธุรกิจต่าง ๆ งานศิลปะ หนี้สิน หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ได้

ผู้เกี่ยวข้องในการตั้งทรัสต์: สามบทบาทสำคัญ

การจัดตั้ง ทรัสต์ นั้นต้องมีผู้เกี่ยวข้อง 3 กลุ่มที่มีบทบาทแตกต่างกัน

ผู้ก่อตั้งทรัสต์ (Settlor) คือเจ้าของทรัพย์สินโดยเดิม เมื่อทำการลงนามในสัญญาจัดตั้งทรัสต์แล้ว ผู้ก่อตั้งจะยังคงมีกรรมสิทธิ์ในบางเรื่อง แต่ไม่มีอำนาจในการใช้ประโยชน์หรือดำเนินการกับทรัพย์ที่ถูกโอนไปยังทรัสต์

ผู้บริหารทรัพย์ หรือทรัสตี (Trustee) เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบหลักในการควบคุมและบริหารทรัพย์สินตามข้อตกลง ทรัสตีไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่สามารถเรียกค่าดำเนินการสำหรับการบริหารจัดการ

ผู้รับประโยชน์ (Beneficiary) คือบุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับผลตอบแทนจากการบริหารทรัพย์ ผู้รับประโยชน์มีสิทธิในการเรียกร้องความเสียหายหากทรัสตีบริหารสินทรัพย์โดยมิชอบ

องค์ประกอบหลักที่ทำให้ทรัสต์มีความสมบูรณ์

การสร้าง ทรัสต์ ที่ถูกต้องตามกฎหมายั้นต้องประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วน

ความชัดเจนของจุดประสงค์ (Certainty of Word) หมายความว่าต้องมีสัญญาจัดตั้งทรัสต์ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนระหว่างผู้ก่อตั้งกับทรัสตี เงื่อนไขและจุดประสงค์ทั้งหมดต้องเขียนไว้อย่างไม่กำกวม

ความชัดเจนของสินทรัพย์ (Certainty of Subject Matter) คือต้องมีกองทรัพย์ที่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน มีตัวตนจริง และมีวิธีการบริหารจัดการที่ชัดเจนเพื่อให้เกิดผลตอบแทน

ความชัดเจนของผู้รับประโยชน์ (Certainty of Object) กำหนดให้ผู้รับประโยชน์นั้นต้องสามารถระบุตัวตนได้จริง ไม่ใช่บุคคลที่หายสาบสูญหรือถูกประกาศเป็นอิสระจากการบริหารทางกฎหมายแล้ว

ประโยชน์ของการใช้ทรัสต์ในการบริหารสินทรัพย์

ทรัสต์ นำเสนอข้อดีมากมายที่ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในการจัดการทรัพย์สิน

การส่งต่อผลประโยชน์โดยไม่ต้องโอนทรัพย์ ทรัสต์ช่วยให้ผู้ก่อตั้งสามารถส่งผลตอบแทนไปยังบุคคลที่สามได้โดยไม่ต้องทำการโอนทรัพย์เต็มจำนวน ซึ่งเดิมมีการนำเรื่องนี้มาใช้ในการจัดการมรดก

การบริหารตามเจตนาเจ้าของ เพราะว่าการจัดตั้งทรัสต์ต้องมีการระบุเจตนาอย่างชัดเจน ทรัสตีจึงถูกบังคับให้ปฏิบัติตามความประสงค์ของผู้ก่อตั้งโดยเคร่งครัด

ประโยชน์ด้านภาษี การตั้งทรัสต์อาจมีข้อดีทางภาษีเพราะการสร้างทรัสต์ไม่ถือว่าเป็นการโอนทรัพย์สินให้กับบุคคลที่สาม แต่เป็นการส่งต่อผลประโยชน์เท่านั้น ข้อดีนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศ

ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยน หากเป็นทรัสต์ที่เพิกถอนได้ (Revocable Trust) ผู้ก่อตั้งสามารถปรับเปลี่ยน ยกเลิก หรือเรียกคืนทรัสต์นั้นได้เมื่อต้องการ สิ่งนี้ให้ความยืดหยุ่นมากกว่ากองทุนที่ต้องขอใบอนุญาตและยังคงถูกควบคุมโดยหน่วยงานราชการ

การป้องกันและการบริหารในช่วงยากไร้ ทรัสต์ที่เพิกถอนได้ช่วยให้มีบุคคลมืออาชีพดูแลทรัพย์สินในช่วงที่เจ้าของป่วยหรือไร้ความสามารถ เมื่อเจ้าของกลับมาแข็งแรง ก็สามารถเพิกถอนทรัสต์และบริหารเองได้

ประเภทของทรัสต์: มากกว่าแค่การแบ่ง Revocable และ Irrevocable

นอกจากการแบ่งตามเงื่อนไขการเพิกถอนแล้ว ทรัสต์ ยังสามารถจำแนกตามวัตถุประสงค์เพิ่มเติม

ทรัสต์เพื่อการป้องกันทรัพย์สิน (Asset Protection) ใช้เพื่อปกป้องสินทรัพย์จากการยึดครอง

ทรัสต์ลับ (Blind Trust) ผู้ก่อตั้งไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิธีการบริหารของทรัสตี เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางผลประโยชน์

ทรัสต์เพื่อการกุศล (Charitable Trust) มีวัตถุประสงค์ในการบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์

ทรัสต์สำหรับข้ามรุ่นวงศ์ตระกูล (Generation-Skipping Trust) ช่วยให้ผู้ก่อตั้งสามารถส่งทรัพย์สินข้ามรุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทรัสต์เพื่อการจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Land or Real Estate Trust) เฉพาะเจาะจงสำหรับการบริหารที่ดินและทรัพย์สินอื่น ๆ

ทรัสต์สำหรับความต้องการพิเศษ (Special Needs Trust) ออกแบบมาสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ

ทรัสต์ REIT และกองทุนรวม: เปรียบเทียบและความแตกต่าง

แม้ว่า ทรัสต์ REIT และกองทุนเป็นเครื่องมือบริหารสินทรัพย์ แต่มีความแตกต่างสำคัญ

ทรัสต์ vs REIT

REIT (Real Estate Investment Trust) ถือว่าเป็นประเภทของทรัสต์ที่จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการบริหารจัดการผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ความแตกต่างหลักคือ ทรัสต์ทั่วไปสามารถบริหารสินทรัพย์หลากหลายประเภท แต่ REIT จำกัดตัวเองให้เฉพาะอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมีความเหมือนกันในแง่ที่ว่าไม่ได้มีสถานะเป็นนิติบุคคล และทั้งสองจัดตั้งขึ้นโดยใช้สัญญาจัดตั้งทรัสต์

ทรัสต์ vs กองทุนรวม

กองทุนรวม (Fund) แตกต่างจาก ทรัสต์ ในหลายด้าน กองทุนรวมจัดเก็บเงินลงทุนจากผู้ถือหน่วยลงทุนหลายราย แล้วนำเงินนั้นไปลงทุนตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด จากนั้นจ่ายผลตอบแทนกลับให้เป็นเงินปันผล

ความแตกต่างสำคัญที่สุดคือ สถานะทางกฎหมาย กองทุนรวมมีสถานะเป็นนิติบุคคล แต่ทรัสต์ไม่ใช่นิติบุคคลตามกฎหมาย นอกจากนี้ กองทุนต้องลงทะเบียนและขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล ขณะที่ทรัสต์มีความยืดหยุ่นมากกว่าในเรื่องการตั้งและการปรับเปลี่ยน

สำหรับนักลงทุนทั่วไป: ทรัสต์ที่สามารถเข้าถึงได้ในไทย

สำหรับนักลงทุนรายย่อยในประเทศไทย ตัวเลือกการลงทุนใน ทรัสต์ นั้นยังคงจำกัดอยู่ที่ REIT เป็นหลัก เนื่องจากการอนุญาตของตลาดทุนไทยและความนิยมในตลาด

ข้อดีของการเลือก REIT คือสินทรัพย์นั้นสามารถพิสูจน์ได้ง่ายมากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น ทำให้นักลงทุนมือใหม่สามารถเข้าซื้อขายได้โดยไม่ต้องมีความรู้ลึกซึ้งเรื่องทรัพย์สินพิเศษ

บทสรุป: ทำความเข้าใจทรัสต์เพื่อการลงทุนอย่างชาญฉลาด

ทรัสต์คือระบบการบริหารทรัพย์สินที่เกิดจากสัญญาเพื่อให้ผู้บริหารจัดการสินทรัพย์และส่งผลประโยชน์ให้กับผู้รับประโยชน์ แม้ว่าแนวคิดนี้เกิดขึ้นเพื่อการจัดการมรดกเดิมที ปัจจุบัน ทรัสต์สามารถใช้ในการบริหารสินทรัพย์ประเกือบทุกประเภท

ความแตกต่างระหว่าง ทรัสต์ REIT และกองทุนนั้นอยู่ที่ขอบเขตของสินทรัพย์ สถานะทางกฎหมาย และความยืดหยุ่นในการตั้งและปรับเปลี่ยน REIT เป็นทรัสต์ชนิดหนึ่ง แต่เฉพาะสำหรับอสังหาริมทรัพย์ เหมือนเหล่านี้ทำให้การเลือก ทรัสต์ หรือ REIT ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การลงทุนและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล

สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ขนาดใหญ่แต่มีเงินทุนจำกัด REIT เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่ายิ่ง เพราะมันช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงโครงการลงทุนใหญ่ ๆ ได้อย่างง่ายและปลอดภัย

Переглянути оригінал
Ця сторінка може містити контент третіх осіб, який надається виключно в інформаційних цілях (не в якості запевнень/гарантій) і не повинен розглядатися як схвалення його поглядів компанією Gate, а також як фінансова або професійна консультація. Див. Застереження для отримання детальної інформації.
  • Нагородити
  • Прокоментувати
  • Репост
  • Поділіться
Прокоментувати
0/400
Немає коментарів
  • Популярні активності Gate Fun

    Дізнатися більше
  • Рин. кап.:$3.92KХолдери:2
    2.12%
  • Рин. кап.:$3.49KХолдери:1
    0.00%
  • Рин. кап.:$3.48KХолдери:1
    0.00%
  • Рин. кап.:$3.49KХолдери:1
    0.00%
  • Рин. кап.:$3.49KХолдери:1
    0.00%
  • Закріпити