Ця сторінка може містити контент третіх осіб, який надається виключно в інформаційних цілях (не в якості запевнень/гарантій) і не повинен розглядатися як схвалення його поглядів компанією Gate, а також як фінансова або професійна консультація. Див. Застереження для отримання детальної інформації.
Що таке достатня економіка і як нам її правильно зрозуміти
ในสังคมไทยสมัยนี้ คำว่า เศรษฐกิจพอเพียง ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้ง แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าแนวคิดนี้หมายความว่าอย่างไร มีเนื้อหาอะไรบ้าง และนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไร บทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนและนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
ที่มาของแนวคิด: เมื่อใดเศรษฐกิจพอเพียงถูกเสนอขึ้นมา
แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วครู่ บริบทของมันมีรากฐานที่ลึกซึ้ง ในปี พ.ศ. 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเน้นความสำคัญของการพัฒนาประเทศบนพื้นฐานของ “ความพอมี พอกิน พอใช้”
ในช่วงนั้น ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม โดยตัดสินใจให้เงินลงทุนจำนวนมากมาจากการกู้ยืมต่างประเทศ เงินกู้เหล่านี้ต้องชำระด้วยการส่งออกสินค้าเกษตร ทำให้ผู้คนขยายพื้นที่เพาะปลูก ป่าถูกบุกรุก และเกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้
ตระหนักถึงปัญหานี้ ในปี พ.ศ. 2539 (หนึ่งปีก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง) พระองค์ท่านได้ทรงย้ำเตือนว่า “…เศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน หมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตนเอง ในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างผลิตได้มากกว่าความต้องการก็ขายได้…” คำพูดนี้กลายเป็นแสงสว่างกลางความมืดมิดของวิกฤตเศรษฐกิจในพ.ศ. 2540
นิยามจริงๆของเศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร
เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) ไม่ใช่การบอกคนให้ยอมอยู่แต่เพียงพอ แต่เป็นกรอบแนวคิดที่มีรูปร่างชัดเจน มันเป็นวิธีการดำรงชีวิตที่ใช้ได้ในทุกระดับ ตั้งแต่ครัวเรือน ชุมชน จนถึงระดับประเทศ
จุดมุ่งหมายหลักของแนวคิดนี้คือให้ประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาไปในทิศทางยั่งยืนระยะยาว มีความสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจโลก และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง
สำคัญที่สุด คำว่า “พอเพียง” ในที่นี้มีความหมายหลายชั้น:
แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายของคนไทย ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง ความไม่ประมาท และการดำเนินชีวิตแบบสายกลาง
โครงสร้างแกนกลาง: 3 ห่วง กับ 2 เงื่อนไข
การเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงให้ลึกซึ้ง จำเป็นต้องรู้จัก “3 ห่วง 2 เงื่อนไข” ซึ่งเป็นหัวใจของแนวคิด
3 ห่วง คืออะไร
ห่วงที่หนึ่ง: ความพอประมาณ
ไม่ใช่การเรียกร้องให้ทุกคนต้องจน แต่หมายถึงการมีทัศนคติถูกต้องต่อการหารายได้และการใช้จ่าย
ห่วงที่สอง: ความมีเหตุผล
ทุกสิ่งที่เราตัดสินใจทำ ควรมีการวางแผนและวิเคราะห์อย่างรอบด้าน
ตัวอย่าง: ถ้าต้องการเริ่มธุรกิจใหม่ ต้องศึกษาตลาด รู้จักจุดแข็งจุดอ่อนของตนเอง วิเคราะห์ความเสี่ยง ไม่ควรเดินเข้าเพราะความโลภหรือความชั่วคราว
ห่วงที่สาม: ระบบภูมิคุ้มกันที่ดี
นี่คือความพร้อมในการปรับตัวเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
2 เงื่อนไข: ส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้
นอกจาก 3 ห่วง ยังต้องมี 2 เงื่อนไขสำคัญ
เงื่อนไขที่หนึ่ง: ความรู้
ความรู้ช่วยให้เราวางแผนได้ดี สามารถแก้ไขปัญหาเมื่อเผชิญหน้า และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองอยู่ในตัว
เงื่อนไขที่สอง: คุณธรรม
คุณธรรมช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสง่างาม และสร้างความเชื่อใจจากผู้อื่น
เศรษฐกิจพอเพียงในภาคปฏิบัติ: ตัวอย่างจากอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม
ประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและพาณิชย์
ในการบริหารกิจการ เจ้าของธุรกิจที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงจะ:
ประยุกต์ใช้ในภาคเกษตร
เกษตรกรที่ปฏิบัติตามเศรษฐกิจพอเพียงจะดำเนินการดังนี้:
การเกษตรแบบผสมผสาน (Integrated Farming)
แทนที่จะปลูกเพียงพืชเดียว เกษตรกรจะ:
การเกษตรทฤษฎีใหม่ (New Theory Agriculture)
วิธีการนี้แบ่งออกเป็น 3 ระดับ:
ระดับพื้นฐาน: แบ่งที่ดินเป็น 4 ส่วน (30:30:30:10)
ระดับก้าวหน้า: เกษตรกรรวมตัวกันเป็นกลุ่ม
ระดับสูง: สร้างเศรษฐกิจชุมชน
วิธีนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน
สำหรับคนธรรมดาที่ต้องการเริ่มต้น สามารถทำได้ดังนี้:
ในส่วนการศึกษาและงาน:
ในส่วนจิตใจและอารมณ์:
ในส่วนการเงิน:
ในส่วนการตัดสินใจ:
การยอมรับระดับโลก: เศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาที่ยั่งยืน
ประเทศไทยไม่ได้ยืนอยู่โดยลำพัง ในปี พ.ศ. 2549 องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ยกย่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ว่าเป็น “Developer King” (กษัตริย์นักพัฒนา) พร้อมมอบรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ (Human Development Lifetime Achievement Award)
นั่นเพราะแนวคิดนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ของสหประชาชาติ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยตอบสนองความต้องการของรุ่นปัจจุบัน แต่ไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการตอบสนองความต้องการของรุ่นอนาคต
บทสรุป
เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้เป็นคำแนะนำให้ยอมอยู่ยำเย่า แต่เป็นปรัชญาการดำเนินชีวิตที่สมจริง และมีความหนักแน่น
ประเทศไทยกับแนวคิดนี้อยู่คู่กันกว่า 30 ปีแล้ว วัตถุประสงค์หลักคือให้ผู้คนสร้างผลผลิตด้วยตนเอง สร้างรายได้จากสิ่งที่ผลิต และผู้บริโภคก็ควรบริโภคด้วยเหตุผลและความพอเพียง
วิธีการนี้ช่วยให้คนรู้จักใช้ชีวิตอยู่ในข้อจำกัดของทรัพยากรที่มี ลดความเสี่ยงจากการไม่สามารถควบคุมตลาด และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจได้
สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรม เศรษฐกิจของเราจึงต้องพึ่งพาการเติบโตอย่างยั่งยืนของภาคการเกษตรเป็นหลัก
ที่สำคัญที่สุด เศรษฐกิจพอเพียงไม่จำกัดว่าต้องใช้ในภาคการเกษตรเท่านั้น แต่นำไปปรับใช้ได้ทุกภาคส่วน ทุกรูปแบบเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเงิน อุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ หรือการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เพียงแต่ยึดหลักการดำเนินชีวิตแบบสายกลางในแต่ละภาคส่วนเท่านั้น