Постійні та змінні витрати: необхідне розуміння для підприємців

เมื่อบริหารธุรกิจ การรู้จักโครงสร้างต้นทุนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ต้นทุนที่เกิดขึ้นในการดำเนินงานนั้นแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) ความสามารถในการแยกแยะและจัดการต้นทุนทั้งสองประเภทนี้จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการกำหนดราคา การออกแบบกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ และการวางแผนการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพได้

เข้าใจความแตกต่างพื้นฐาน

ในการดำเนินธุรกิจสมัยใหม่ องค์ประกอบของต้นทุนทั้งหมดนั้นประกอบด้วยสองส่วนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ต้นทุนคงที่คือค่าใช้จ่ายที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าธุรกิจจะผลิตหรือขายมากเท่าไรก็ตาม ในขณะที่ต้นทุนผันแปรจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามสัดส่วนของการผลิตและการขาย

การเข้าใจความแตกต่างนี้ไม่ใช่แค่เรื่องทางทฤษฎี แต่เป็นเครื่องมือจริงที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถคำนวณจุดคุ้มทุน กำหนดราคาขายที่เหมาะสม และจัดการกระแสเงินสดได้อย่างถูกต้อง

ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost):ค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ต้นทุนคงที่หมายถึงค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจต้องจ่ายทุกเดือนหรือทุกปีโดยไม่ขึ้นอยู่กับระดับของการผลิต ไม่ว่าคุณจะผลิตสินค้า 100 หน่วยหรือ 1,000 หน่วย ต้นทุนเหล่านี้ยังคงเท่าเดิมและจำเป็นต้องจ่ายอยู่ดี

ลักษณะเด่นของต้นทุนคงที่

ต้นทุนคงที่มีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ ความเสถียร ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไม่ผันผวนตามการสั่งซื้อของลูกค้าหรือความต้องการของตลาด สิ่งที่ทำให้ต้นทุนคงที่มีความสำคัญคือจำนวนเงินนี้เป็นการก้าวแรกในการคำนวณกำไรสุทธิ เพราะไม่ว่าธุรกิจจะมียอดขายเท่าไร ต้นทุนคงที่ยังคงเป็นหนี้สินที่ต้องครอบคลุม

การคำนวณต้นทุนคงที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา คุณหาร ต้นทุนคงที่รวม ÷ จำนวนหน่วยที่ผลิต = ต้นทุนคงที่ต่อหน่วย สูตรนี้แสดงให้เห็นว่าเมื่อการผลิตเพิ่มขึ้น ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยจะลดลง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทขนาดใหญ่มักมีความได้เปรียบในการแข่งขัน

รายการต้นทุนคงที่ที่พบได้บ่อย

ในการดำเนินธุรกิจประจำวัน คุณจะพบต้นทุนคงที่ในรูปแบบต่างๆ:

  • ค่าเช่าพื้นที่ทำงาน - ไม่ว่าวันไหนก็ต้องจ่ายเช่าสำนักงาน โรงงาน หรือสตอร์ เป็นจำนวนเงินคงที่ทุกเดือน
  • เงินเดือนพนักงานประจำ - บุคลากรที่เป็นพนักงานเต็มเวลา ได้รับเงินเดือนประจำไม่ว่าปริมาณงานจะเป็นเท่าไร
  • ค่าประกัน - ประกันอาคาร ประกันสินทรัพย์ ประกันความรับผิด เป็นต้นเป็นค่าใช้จ่ายประจำปี
  • ค่าอื่นๆ เช่น ค่าดำเนินการสำนักงาน ค่าสมาชิกสมาคม ค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์
  • ดอกเบี้ยเงินกู้ - หากบริษัทมีหนี้ สินค้า ต้องจ่ายดอกเบี้ยประจำทุกงวดตามกำหนดสัญญา

ต้นทุนผันแปร (Variable Cost):ค่าใช้จ่ายที่ยืดหยุ่น

ต่างจากต้นทุนคงที่ ต้นทุนผันแปรนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามสัดส่วนโดยตรงของระดับการผลิต เมื่อโรงงานผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ต้นทุนผันแปรก็จะเพิ่มขึ้นประมาณ 50% เช่นเดียวกัน

ลักษณะเด่นของต้นทุนผันแปร

ต้นทุนผันแปรให้ความยืดหยุ่นมากขึ้นแก่ผู้บริหาร เพราะคุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายนี้ได้โดยการปรับระดับการผลิต หากความต้องการของตลาดลดลง คุณสามารถลดการผลิต ซึ่งจะนำมาซึ่งการลดต้นทุนผันแปรลงด้วย

ในการประเมินต้นทุนผันแปร คุณต้องใช้ สูตร: ต้นทุนผันแปรรวม ÷ จำนวนหน่วยที่ผลิต = ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย เป็นการวัดที่สำคัญในการดูว่าสินค้าแต่ละหน่วยควรราคาเท่าไร เพื่อให้คุณสามารถทำกำไรได้

ตัวอย่างต้นทุนผันแปรในการผลิต

ต้นทุนผันแปรมักปรากฏตัวในการดำเนินการเชิงปฏิบัติ:

  • วัตถุดิบและส่วนประกอบ - ยิ่งผลิตสินค้ามากเท่าไร ก็ยิ่งต้องใช้วัตถุดิบมากเท่านั้น
  • แรงงานโดยตรง - พนักงานประจำวันหรือคนงานชั่วคราวที่ได้รับค่าจ้างตามจำนวนชั่วโมงการผลิต
  • พลังงาน - ไฟฟ้า แก๊ส น้ำที่ใช้ในการผลิต ยิ่งผลิตมากยิ่งใช้พลังงานมาก
  • บรรจุภัณฑ์และการขนส่ง - ต้องจัดเตรียมบรรจุภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับสินค้าที่ขายเพิ่มขึ้น
  • ค่าคอมมิชชัน - ถ้ามีการขายเพิ่มขึ้น ค่าคอมมิชชันสำหรับทีมขายก็เพิ่มขึ้นด้วย

การวิเคราะห์ต้นทุนรวมและการประยุกต์ใช้จริง

การรู้จักต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปรแยกกันนั้นไม่เพียงพอ คุณต้องรวมทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อเข้าใจต้นทุนรวมที่แท้จริง

สูตรการคำนวณต้นทุนรวม

ต้นทุนรวม = ต้นทุนคงที่ + (ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย × จำนวนหน่วยที่ผลิต)

ตัวอย่างเช่น หากบริษัทมีต้นทุนคงที่ 100,000 บาท และต้นทุนผันแปรต่อหน่วย 50 บาท หากผลิตสินค้า 2,000 หน่วย ต้นทุนรวมจะเป็น 100,000 + (50 × 2,000) = 200,000 บาท

จากนั้น ต้นทุนต่อหน่วยจะเป็น 200,000 ÷ 2,000 = 100 บาทต่อหน่วย

การประยุกต์ใช้ในการกำหนดราคา

การรู้ต้นทุนทั้งหมดช่วยให้คุณกำหนดราคาขายได้ถูกต้อง ราคาต้องสูงกว่าต้นทุนต่อหน่วยพอสมควร เพื่อให้สามารถครอบคลุมต้นทุนคงที่ ต้นทุนผันแปร และยังมีกำไรเหลือ

ตัวอย่างเช่น ถ้าต้นทุนต่อหน่วยเป็น 100 บาท คุณอาจตั้งราคาขาย 150 หรือ 200 บาทต่อหน่วย ขึ้นอยู่กับตลาด กำไร ที่คุณต้องการ

ความแตกต่างหลักระหว่างต้นทุนทั้งสองประเภท

ลักษณะ ต้นทุนคงที่ ต้นทุนผันแปร
การเปลี่ยนแปลง คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงตามปริมาณ
ความยืดหยุ่น ไม่ยืดหยุ่น ยืดหยุ่นสูง
ระดับความเสี่ยง ความเสี่ยงสูง ความเสี่ยงต่ำ
ตัวอย่าง เช่าห้อง เงินเดือน วัตถุดิบ การขนส่ง
การควบคุม ยากต่อการลด ง่ายต่อการควบคุม

ข้อเสนอแนะเพื่อการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ลดต้นทุนคงที่ด้วยวิธีสร้างสรรค์

บ้างเท่านั้นต้นทุนคงที่นั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คุณสามารถหาวิธีลดลงได้ เช่น การเช่าห้องที่ถูกกว่า การจ้างบางส่วนตำแหน่งออนไลน์แทนการจ้างเต็มเวลา หรือการลดค่าใช้บริการที่ไม่จำเป็น

เพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนผันแปร

สำหรับต้นทุนผันแปร ให้มุ่งเน้นที่การเจรจาราคากับผู้ผลิตวัตถุดิบ การปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อลดสิ้นเปลือง และการออกแบบระบบการขนส่งที่ประหยัด

วิเคราะห์จุดคุ้มทุน

จุดคุ้มทุนคือระดับการผลิตที่กำไรเท่ากับศูนย์ คำนวณได้จาก: จุดคุ้มทุน = ต้นทุนคงที่ ÷ (ราคาต่อหน่วย - ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย) การรู้จุดนี้ช่วยให้คุณรู้ว่าต้องขายกี่หน่วยเพื่อไม่ขาดทุน

สรุป

ต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปรนั้นเป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางการเงินของธุรกิจ การเข้าใจและสูตรการคำนวณทั้งสองประเภทจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด ตั้งแต่การกำหนดราคา การวางแผนการผลิต ไปจนถึงการประเมินความเสี่ยง การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการต้นทุนเหล่านี้อย่างเป็นระบบจะนำไปสู่ความเป็นกำไรและการเติบโตที่ยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว

Переглянути оригінал
Ця сторінка може містити контент третіх осіб, який надається виключно в інформаційних цілях (не в якості запевнень/гарантій) і не повинен розглядатися як схвалення його поглядів компанією Gate, а також як фінансова або професійна консультація. Див. Застереження для отримання детальної інформації.
  • Нагородити
  • Прокоментувати
  • Репост
  • Поділіться
Прокоментувати
0/400
Немає коментарів
  • Популярні активності Gate Fun

    Дізнатися більше
  • Рин. кап.:$3.49KХолдери:1
    0.00%
  • Рин. кап.:$3.48KХолдери:1
    0.00%
  • Рин. кап.:$3.49KХолдери:1
    0.00%
  • Рин. кап.:$3.49KХолдери:1
    0.00%
  • Рин. кап.:$3.51KХолдери:2
    0.00%
  • Закріпити