Инвесторам нужно знать: Что такое Yield на самом деле и как он способствует принятию решений

ในโลกการลงทุน ถ้าคุณยังไม่รู้จัก Yield นั่นคือปัญหาใหญ่ เพราะมันเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้คุณวัดผลตอบแทนของทุนได้อย่างชัดเจน บทความนี้จะชี้ให้เห็นว่า Yield คือตัวเลขที่บอกคุณว่าเงินของคุณกำลังทำงานหรือไม่ และทำงานได้ประสิทธิผลแค่ไหน

Yield คือจริง ๆ แล้วคืออะไร เรียบง่ายที่สุด

Yield นั่นคือผลตอบแทนที่คุณได้รับจากการลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ในช่วงเวลาที่กำหนด แสดงออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปี สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือ Yield จะแตกต่างตามประเภทของสินทรัพย์ที่คุณลงทุน

ลองคิดง่าย ๆ: ถ้าคุณซื้อพันธบัตรเพราะต้องการรับดอกเบี้ย หรือซื้อหุ้นเพื่อรับเงินปันผล ทั้งสองแบบนั้นล้วนเป็น Yield ทั้งสิ้น โดยจุดประสงค์หลักคือให้ทุนของคุณสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ

วิธีการคำนวณ Yield: สูตรที่ใช้ได้จริง

การคำนวณ Yield ไม่ได้ยุ่งยากขนาดที่คิด สูตรพื้นฐานสำหรับการลงทุนส่วนใหญ่คือ:

Yield = ((ราคาปัจจุบัน – ราคาซื้อเดิม) / ราคาซื้อเดิม) ×100%

แต่ในตลาดจริง ๆ นั้น Yield ยังมีวิธีการคำนวณอื่น ๆ ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นตามประเภทของสินทรัพย์ เช่น:

  • สำหรับหุ้น: คำนวณจากเงินปันผลต่อหุ้น หารด้วยราคาหุ้นปัจจุบัน
  • สำหรับพันธบัตร: คำนวณจากดอกเบี้ยที่ได้รับต่อมูลค่าของพันธบัตร
  • สำหรับอสังหาริมทรัพย์: คำนวณจากค่าเช่าที่ได้รับต่อราคาที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์

Yield ขึ้นอยู่กับปัจจัยใด บ้าง

การที่ Yield สูงหรือต่ำไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม ๆ หรือไม่มีเหตุผล มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อมัน:

1. ประเภทของสินทรัพย์ที่เลือก
การลงทุนในตราสารหนี้โดยทั่วไปให้ Yield ต่ำกว่า แต่ความเสี่ยงก็น้อยกว่า ในทางกลับกัน หุ้นและอสังหาริมทรัพย์มักให้ Yield สูงขึ้น แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย

2. ภาวะตลาดและเศรษฐกิจ
อัตราดอกเบี้ย สถานการณ์เศรษฐกิจ และความเสี่ยงทางการเมือง ล้วนมีอิทธิพลต่อ Yield ที่คาดหวังได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อธนาคารกลางยกอัตราดอกเบี้ย Yield จากตราสารหนี้ใหม่ก็จะเพิ่มขึ้น

3. ระยะเวลาการลงทุน
โดยทั่วไป ยิ่งคุณถือสินทรัพย์นานเท่าไหร่ Yield ก็มีโอกาสสูงขึ้น เพราะผลประโยชน์ทบต้นจะคำนวณมากขึ้น

4. ระดับความเสี่ยง
นี่คือหลักการที่สำคัญ: ความเสี่ยงสูง = Yield สูง การลงทุนที่มีความเสี่ยงมากมักต้องให้ผลตอบแทนสูง เพื่อชดเชยความเสี่ยงนั้น

5. นโยบายการจัดการของบริษัท/หน่วยงาน
บริษัทที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลดี มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หรือวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มักสร้าง Yield ที่ดีกว่า

ประเภทหลัก ของ Yield ที่นักลงทุนควรรู้จัก

Dividend Yield: รับรายได้จากการถือหุ้น

Dividend Yield เป็นอัตราส่วนระหว่างเงินปันผลที่จ่ายต่อหุ้น กับราคาหุ้นในตลาด

ตัวอย่าง: บริษัท X จ่ายเงินปันผล 8 บาทต่อหุ้น ในขณะที่ราคาหุ้นในตลาดเท่ากับ 200 บาท
Dividend Yield = (8 / 200) × 100 = 4%

หมายความว่า ถ้าคุณลงทุน 200 บาท คุณจะได้รับผลตอบแทน 4% ต่อปี เฉพาะจากเงินปันผลนั้น

Earnings Yield: ผลตอบแทนจากกำไรของบริษัท

Earnings Yield มาจากกำไรสุทธิของบริษัท (Earnings per Share) หารด้วยราคาหุ้นปัจจุบัน

ตัวอย่าง: บริษัท Y มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 10 บาท ราคาหุ้นในตลาด 250 บาท
Earnings Yield = (10 / 250) × 100 = 4%

Bond Yield: ผลตอบแทนจากตราสารหนี้

Bond Yield คือดอกเบี้ยที่คุณได้รับจากการถือพันธบัตร คิดเป็นร้อยละต่อปี

ตัวอย่าง: คุณซื้อพันธบัตรมูลค่า 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี ระยะเวลา 5 ปี
Bond Yield = (600 / 10,000) × 100 = 6%

Mutual Funds Yield: ผลตอบแทนของกองทุนรวม

Mutual Funds Yield มาจากรายได้รวมของกองทุน (เงินปันผล + ดอกเบี้ย) หารด้วยมูลค่าสุทธิของกองทุน

ตัวอย่าง: กองทุน Z มีรายได้ทั้งหมด 500 บาท มูลค่าสุทธิ 5,000 บาท
Mutual Funds Yield = (500 / 5,000) × 100 = 10%

ความแตกต่างระหว่าง Yield กับ Return: สำคัญที่ต้องเข้าใจ

Yield และ Return เป็นสองคำที่มักสับสน แต่ความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง:

Yield = ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ (ไม่รวมการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์) เช่น เงินปันผล ดอกเบี้ย

Return = ผลตอบแทนที่ได้รับจริง (รวมทั้งกำไร/ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของราคา)

ตัวอย่างง่าย ๆ: ถ้าคุณซื้อหุ้นที่ราคา 100 บาท มีเงินปันผล 5 บาท (Yield = 5%) แต่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 110 บาท คุณขายออก Return ที่แท้จริงจะเป็น (110 - 100 + 5) / 100 × 100 = 15% ไม่ใช่แค่ 5%

Yield แบบไหนให้ผลตอบแทนสูงสุด

คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคุณ:

หุ้น: ให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว แต่ความเสี่ยงสูง เหมาะสำหรับคนที่อดทนต่อความผันผวน ตัวอย่าง หุ้นเทคโนโลยี หุ้นที่มีการเติบโตสูง

อสังหาริมทรัพย์: ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากค่าเช่า ความเสี่ยงปานกลาง แต่ต้องมีเงินทุนข้าศแคน

ตราสารหนี้: ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า แต่ความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสมดุล

กองทุนรวม: ให้ความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุน

ทองคำ: ผลตอบแทนปานกลาง ความเสี่ยงต่ำ ใช้สำหรับกระจายความเสี่ยง

สกุลเงินดิจิทัล: ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงสูงมาก เหมาะสำหรับคนที่เข้าใจเทคโนโลยี

สินทรัพย์ประเภทใดให้ผลตอบแทนสูงสุด

โดยหลักการ สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงมักมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง:

  • หุ้นที่มีการเติบโตสูง: ผลตอบแทนมากมาย แต่ราคาผันผวนรุนแรง
  • อสังหาริมทรัพย์ในเขตพัฒนา: ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาว แต่เช่าประเมินราคา ซื้อขายช้า
  • กองทุนรวมหุ้น: ความเสี่ยงหลากหลาย ผลตอบแทนปานกลางถึงสูง
  • พันธบัตรที่ไม่ปลอดภัย: ผลตอบแทนสูง แต่มีความเสี่ยงผิดนัด

สรุป: ทำไม Yield จึงสำคัญต่อคุณ

Yield คือ เครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจและตัดสินใจได้ว่าเงินทุนของเรากำลังทำงานอย่างไร และทำงานได้ดีพอหรือไม่ บ่อยครั้งที่นักลงทุนทำความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Yield นั่นทำให้ตัดสินใจลงทุนได้ไม่ดี

การเลือกสินทรัพย์ที่มี Yield เหมาะสม ต้องสมดุลระหว่างผลตอบแทนที่ต้องการกับความเสี่ยงที่พร้อมจะรับ และตรงกับระยะเวลาที่คุณต้องการลงทุน ด้วยการทำความเข้าใจ Yield ให้ลึกซึ้ง คุณจะมีมุมมองที่ชัดเจนมากขึ้นในการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่ทำกำไรได้จริง ๆ

BOND4.12%
Посмотреть Оригинал
На этой странице может содержаться сторонний контент, который предоставляется исключительно в информационных целях (не в качестве заявлений/гарантий) и не должен рассматриваться как поддержка взглядов компании Gate или как финансовый или профессиональный совет. Подробности смотрите в разделе «Отказ от ответственности» .
  • Награда
  • комментарий
  • Репост
  • Поделиться
комментарий
0/400
Нет комментариев
  • Горячее на Gate Fun

    Подробнее
  • РК:$3.92KДержатели:2
    2.12%
  • РК:$3.49KДержатели:1
    0.00%
  • РК:$3.48KДержатели:1
    0.00%
  • РК:$3.49KДержатели:1
    0.00%
  • РК:$3.49KДержатели:1
    0.00%
  • Закрепить