## Blockchain ไม่ใช่สิ่งลึกลับ องค์ประกอบของเทคโนโลยี blockchain อธิบายแบบบ้านๆ



ทุกครั้งที่เห็นคำว่า Blockchain ปลายคนมักรู้สึกว่ามันลึกลับและห่างไกล แต่จริงๆ มันก็แค่วิธีการเก็บรักษาข้อมูลที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร Blockchain คือการนำข้อมูลมารวมเป็นบล็อก (Block) แล้วเชื่อมโยงต่อกันเหมือนห่วงโซ่ (Chain) ท่ำให้เกิดเครือข่ายข้อมูลที่แข็งแรงและยากที่จะแก้ไข

## สามารถเชื่อถือได้ด้วยสูตรลับสามตัว

องค์ประกอบของเทคโนโลยี blockchain ประกอบด้วยกลไกการทำงาน 3 ประการที่ทำให้มันแข็งแกร่ง

**1. รหัสแฮชที่ไม่ซ้ำกัน**

เมื่อข้อมูลเข้ามาในบล็อก มันจะได้รับรหัส Hash ซึ่งเป็นเสมือนลายนิ้วมือของบล็อกนั้น ฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนรหัส Hash ก็คือเมื่อใครพยายามแก้ไขข้อมูลภายใน เช่น หากมีการส่ง 5 Bitcoin จาก A ไป B แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น 10 Bitcoin มันก็จะทำให้รหัส Hash เปลี่ยนไป ส่งผลให้บล็อกทั้งหมดที่มาหลังจากนี้ล้วนไม่ถูกต้องแล้ว

**2. ระบบฉันทามติที่ทำให้เป็นประชาธิปไตย**

ในการสร้างบล็อกใหม่ Bitcoin ใช้ Proof-of-Work ซึ่งคร่าวๆ คือให้เวลา 10 นาทีในการ "แข่งขัน" แก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ยากมาก คนแรกที่แก้ได้จะได้สิทธิสร้างบล็อกใหม่ แต่ในการแฮ็ก Blockchain จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไขรหัส Hash ของบล็อกทั้งหมดในสายนี้ก่อนที่บล็อกใหม่จะถูกสร้าง ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลย

**3. เครือข่าย Peer-to-Peer ที่ไม่มีตัวกลาง**

แทนที่จะมีธนาคารหรือห้องเรียนบัญชีคนเดียวคอยตรวจสอบ ทุกคนในระบบ (โหนด) ต่างมีสำเนาข้อมูล Blockchain ทั้งหมด เมื่อมีบล็อกใหม่เข้ามา ทุกโหนดต่างตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่ก่อน ถ้าส่วนใหญ่บอก OK ก็จึงสามารถเพิ่มบล็อกเข้าไปได้ ระบบนี้ทำให้ไม่มีใครคนเดียวสามารถควบคุมได้

## บล็อกเชนมีหลายแบบตามความต้องการ

ไม่ใช่ว่า Blockchain ทั้งหมดเหมือนกัน มันแบ่งออกเป็น 4 ประเภท

**บล็อกเชนสาธารณะ** เหมือน Bitcoin และ Ethereum ที่ใครๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้ ข้อดีคือโปร่งใสมากแต่ข้อเสียคือช้า

**บล็อกเชนส่วนตัว** ใช้ภายในบริษัทหนึ่ง ๆ เหมือน Hyperledger ที่ธนาคารหรือประกันใช้ เร็วและปลอดภัยกว่า แต่มีความเสี่ยงจากการควบคุมจากส่วนกลาง

**บล็อกเชนไฮบริด** ผสมผสานทั้งสองแบบ ส่วนหนึ่งเป็นส่วนตัว ส่วนหนึ่งเปิดให้ประชาชน บ้างสิ่งต้องซ่อน บ้างสิ่งต้องเปิดเผย

**บล็อกเชนคอนซอร์เชียม** ควบคุมโดยหลายบริษัทร่วมกัน เหมาะสำหรับห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ

## ข้อดีที่จริงจังของ Blockchain

**ปลอดภัยกว่า** ข้อมูลหนึ่งครั้งเข้ามาแล้วแก้ไขยากมากๆ ต้องใช้พลังประมวลผลเท่ากับ 51% ของทั้งระบบ

**โปร่งใสได้** ทุกคนเห็นธุรกรรมที่เกิดขึ้น ไม่มีคนซ่อนไว้

**ลดต้นทุน** ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้คนกลาง เพียงแต่ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเท่านั้น

**ตรวจสอบได้** สามารถไล่ตามข้อมูลไปยังต้นกำเนิดได้ทั้งหมด

**รวดเร็วและอัตโนมัติ** ลดข้อผิดพลาดของมนุษย์

## ปัญหาที่ยังไม่แก้ได้

**ช้าและหิน** ปัจจุบัน Bitcoin ทำได้แค่ 7 ธุรกรรมต่อวินาที ในขณะที่ Visa ทำได้ 24,000 ธุรกรรมต่อวินาที องค์ประกอบของเทคโนโลยี blockchain ที่ต้องการการยืนยันจากหลายโหนดทำให้มันช้าลง

**กินไฟมาก** ระบบ Proof-of-Work ของ Bitcoin กินไฟเท่ากับประเทศนิวเคลียร์บ้างประเทศ

**ยังไม่มีกฎหมายชัด** ในหลายประเทศ Blockchain ยังอยู่ในพื้นที่ "เทาะ" ไม่รู้ว่าควบคุมอย่างไร

**ในทางทฤษฎีเสี่ยงต่อการแฮ็ก** ถ้าใครสามารถควบคุม 51% ของโหนด ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ แต่ในปัจจุบันเป็นไปได้ยากจนเกือบไม่มีโอกาส

## Blockchain กำลังเปลี่ยนโลก

**การเงิน** ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังทดลองบาทดิจิทัล ธุรกิจ JMART ใช้ Blockchain สำหรับ Credit Score

**ห่วงโซ่อุปทาน** IBM Food Trust ให้ผู้บริโภคติดตามสินค้าจากไร่จนถึงโต๊ะ ไม่สามารถปลอมแปลงได้

**ระบบโหวต** Blockchain สามารถป้องกันการโกงการเลือกตั้งได้ ทำให้ผลการเลือกตั้งเป็นไปตามความเป็นจริง

**เอกสารประกอบ** ใบประกาศนียบัตร ใบรับรอง ใบสิทธิจะป้องกันการปลอมแปลงได้ดีขึ้น

## สรุป

องค์ประกอบของเทคโนโลยี blockchain คือสูตรผสมสามตัวคือ Hash Code + Consensus + P2P Network ทำให้ระบบหนึ่งกว่ายากแฮ็ก อ่านข้อมูล เปลี่ยนแปลง ว่ากันว่า Blockchain จะเปลี่ยนวิธีที่เราเก็บรักษาข้อมูล ธุรกรรมการเงิน และการสร้างความเชื่อถือในอนาคต แม้ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องความเร็ว การกินไฟ และกฎระเบียบ แต่เทคโนโลยีนี้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ใครยังคิดว่า Blockchain ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ลองคิดดูอีกที เพราะในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มันอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราแล้ว
BTC0.37%
ETH-0.38%
原文表示
このページには第三者のコンテンツが含まれている場合があり、情報提供のみを目的としております(表明・保証をするものではありません)。Gateによる見解の支持や、金融・専門的な助言とみなされるべきものではありません。詳細については免責事項をご覧ください。
  • 報酬
  • コメント
  • リポスト
  • 共有
コメント
0/400
コメントなし
  • ピン