สรุป: Support และ Resistance ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่เป็นจิตวิทยาตลาด ที่เป็นรูปธรรม ยิ่งคุณฝึกสังเกตบ่อย ยิ่งเห็นชัดว่าราคาพฤติกรรมที่ที่คาดเดาได้ คุณก็จะเทรดได้แม่นยำมากขึ้น
Ver original
Esta página pode conter conteúdo de terceiros, que é fornecido apenas para fins informativos (não para representações/garantias) e não deve ser considerada como um endosso de suas opiniões pela Gate nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Isenção de responsabilidade para obter detalhes.
Domine o mercado com suporte e resistência - técnicas que os traders devem dominar
ถ้าคุณยังคิดว่าการเทรดเป็นเพียงการเดารับ-ร แสดงว่าคุณพลาดเครื่องมืออันทรงพลังชื่อ แนวรับแนวต้าน (Support & Resistance) - เครื่องมือที่สามารถบอกจุดซื้อขายที่ได้เปรียบให้คุณอยู่เรื่อยๆ
นักเทรดมืออาชีพไม่ได้ศึกษา Support และ Resistance เพราะวิทยา แต่เพราะมันเป็นคำตอบ คำถามสำคัญสามข้อ คือ “ควรซื้อที่ไหน? ควรขายที่ไหน? ราคาจะเปลี่ยนแนวโน้มที่ไหน?”
Support แนวรับ vs Resistance แนวต้าน - ความจริงง่ายๆ
พูดแบบตรงๆ คือ:
ทั้งสองอันเกิดมาจากจิตใจและความต้องการของมนุษย์ - เมื่อราคามาที่ระดับที่คนเห็นว่า “ราคาถูกจัง” ก็มีการเข้าซื้อ เมื่อมาที่ระดับที่คนเห็นว่า “ราคาแพงไป” ก็มีการขายออก
5 วิธีหา Support และ Resistance ที่ใช้งานจริง
1. ตีเส้นแนวโน้ม (Trendline) - วิธีคลาสสิกที่ยังทำงาน
ถ้าราคาขาขึ้น: ลากเส้นผ่านจุดต่ำๆ ที่ยกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ → เส้นนั้นกลายเป็น Support
ถ้าราคาขาลง: ลากเส้นผ่านจุดสูงๆ ที่ต่ำลงเรื่อยๆ → เส้นนั้นกลายเป็น Resistance
เหตุผล: เส้นนี้แสดงทิศทางพื้นฐานของตลาด คนที่เทรดตามแนวโน้มจะใช้เส้นนี้เป็นจุดรับซื้อและขาย
2. ตัวเลขกลมๆ (Round Numbers) - เล่นจิตวิทยา
ราคามาถึง $100, $1000, $10,000 มักมีการหยุด เพราะมนุษย์เรามีพ้อ “ตัวเลขกลมๆ” ให้ความรู้สึกพิเศษ
ตัวอย่างจริง:
3. Moving Average (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) - ต้นทุนเฉลี่ย
ลองคิดว่า: MA คือต้นทุนเฉลี่ยของคนที่ซื้อมาก่อน
ประสิทธิ์สูงสุด: ใช้ MA ที่มีนัยยะ เช่น MA 50, MA 200 (ระดับรายสัปดาห์-รายปี)
4. Fibonacci Retracement - สัดส่วนทองคำ
หลังราคาขยับขึ้นหรือลงครั้งใหญ่ คุณสามารถใช้ Fibonacci levels (23.6%, 38.2%, 61.8%, 78.6%) ประเมินจุดที่ราคาจะได้รับ/ต้านทาน
ตัวอย่าง: ถ้าหุ้นขึ้นจาก $100 มา $130 แล้วดีดลงมา ราคามีแนวโน้มหยุดที่ระดับ Fibonacci level ก่อนจึงกลับขึ้น
5. Gap (ช่องว่างราคา) - สัญญาณแรงๆ
ราคากระโดดข้ามระดับซื้อขายทั้งหมด = ช่องว่าง → ช่องว่างนี้มักเป็น Support/Resistance หลังจากนั้น
เป็นเหมือนการป้องกัน: ราคาขึ้นแล้วย้อนลงมา มักจะ “หยุด” ที่ขอบของช่องว่างแล้วค่อยลงต่อ
คุณควรทำอย่างไรเมื่อรู้จัก Support & Resistance แล้ว
สถานการณ์ 1: ราคาในกรอบ (ไม่มีเทรนด์ชัด)
→ ซื้อที่ Support, ขายที่ Resistance ทำการเทรดไปกลับจ้ำ
สถานการณ์ 2: ราคาขาขึ้น แต่ชนแนวต้าน
→ คิดว่า “ราคาจะกลับตัวเป็นลงหรือ?” ถ้าแนวต้านแข็ง → ขายหรือลดโพสชัน
สถานการณ์ 3: ราคาทะลุแนวต้าน/ทำราคาแนวรับ (Breakout)
→ นี่คือสัญญาณ “เทรนด์ใหม่กำลังเกิด” → ทำตามเทรนด์อย่างเข็ด
3 ข้อระวังสำคัญก่อนเทรด
ข้อ 1: เทรนด์คือเพื่อนของคุณ ถ้าเป็นขาขึ้นอยู่ - อย่าคิดจะเข้าขาย (short) ตรงแนวต้าน เพราะราคามักจะ “ทำจุดสูงใหม่” ไป เสี่ยงขาดทุนใหญ่
ข้อ 2: ระวัง False Breakout บางครั้งราคาทะลุ Support/Resistance แล้วเหวี่ยงกลับเข้า มักเห็นได้จาก ปริมาณเบา ๆ - ไม่ใช่ breakout จริงๆ → วิธีป้องกัน: ตั้ง stop loss ที่ Support/Resistance เสมอ
ข้อ 3: ยิ่งแนวรับแนวต้าน “เก่า” ยิ่งแข็ง แต่เสี่ยงเปลี่ยนแนวโน้มสูง ถ้าแนวต้านนี้อยู่มา 3-6 เดือน ระมัดระวังว่า breakout อาจกำลังจะเกิด
สรุป: Support และ Resistance ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่เป็นจิตวิทยาตลาด ที่เป็นรูปธรรม ยิ่งคุณฝึกสังเกตบ่อย ยิ่งเห็นชัดว่าราคาพฤติกรรมที่ที่คาดเดาได้ คุณก็จะเทรดได้แม่นยำมากขึ้น