Halaman ini mungkin berisi konten pihak ketiga, yang disediakan untuk tujuan informasi saja (bukan pernyataan/jaminan) dan tidak boleh dianggap sebagai dukungan terhadap pandangannya oleh Gate, atau sebagai nasihat keuangan atau profesional. Lihat Penafian untuk detailnya.
Apa itu trader, jenis apa yang cocok untuk Anda, dan apa kunci untuk mendapatkan keuntungan
คำว่า “นักเทรด” ถูกนำเสนออยู่ทั่วไปในวงการการเงิน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้ง บทความนี้จะไขความสับสนและอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นนักเทรดมืออาชีพรวมถึงเส้นทางที่นำไปสู่ความสำเร็จในตลาดการเงิน
นักเทรดคือใครและทำอะไร
ในบริบทของตลาดการเงิน นักเทรดคือบุคคลที่ดำเนินการซื้อและขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้จากส่วนต่างของราคา ความแตกต่างหลักระหว่างนักเทรดกับผู้ลงทุนอยู่ที่ช่วงเวลาที่ถือครองสินทรัพย์ ผู้ลงทุนมักถือไว้ในระยะยาว ขณะที่นักเทรดชุกชอบธุรกรรมในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด
ตัวจริงแล้ว บุคคลเหล่านี้อาจทำงานให้สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารหรือกองทุนเฮดจ์ฟันด์ หรือทำการเทรดเป็นอาชีพอิสระ
ประเภทของนักเทรด: จำแนกตามกลยุทธ์และระยะเวลา
Day Trading (การเทรดรายวัน)
ผู้เชี่ยวชาญในสไตล์นี้เปิดและปิดตำแหน่งภายในวันเดียว เพื่อใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวราคาในระยะสั้น ส่วนดีคือ ไม่มีความเสี่ยงจากข่าวข้ามคืน แต่ส่วนเสียคือต้องมีความสูง และต้องใช้บัญชีมูลค่าต่ำ
Scalping (การหลีกเลี่ยงความสูญเสีย)
เป็นการเทรดหลายครั้งในช่วงเวลาสั้นมากเพื่อเก็บเกี่ยวกำไรเล็ก ๆ ใหญ่ ๆ ต้องมีความเข้าใจเชิงลึกในการวิเคราะห์ทางเทคนิค อารมณ์ที่เย็นชา และอัตราการตอบสนองที่รวดเร็ว
Swing Trading (การสวิงเทรด)
ถือครองตำแหน่งระหว่างหลายวันถึงสัปดาห์เพื่อใช้ประโยชน์จากแนวโน้มระยะกลาง ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้มักใช้การวิเคราะห์แนวโน้มและรูปแบบกราฟเป็นเครื่องมือหลัก
Momentum Trading (การเทรดตามโมเมนตัม)
ติดตามทิศทางของแนวโน้มตลาด หากโมเมนตัมเป็นขาขึ้น ก็ขายเพื่อผลกำไรที่สูงขึ้น หากเป็นขาลง ก็ซื้อในราคาถูกลง
Position Trading (การถือครองตำแหน่ง)
ยึดตำแหน่งไว้ในระยะเวลานาน โดยไม่สนใจความเผันผวนระหว่างกลาง รอให้เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นจึงเริ่มปรับตำแหน่ง
Fundamental Trading (การเทรดตามปัจจัยพื้นฐาน)
อาศัยข้อมูลข่าวสาร ปัจจัยเศรษฐกิจ และข้อมูลอื่น ๆ เพื่อวิเคราะห์การเข้าหรือออกจากตำแหน่ง
Technical Trading (การเทรดตามเทคนิค)
ใช้แผนภูมิ ตัวบ่งชี้ และเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อตัดสินใจ ต้องมีความเชี่ยวชาญในการอ่านกราฟและเข้าใจสัญญาณต่าง ๆ
การเป็นนักเทรดมืออาชีพ: เป้าหมายและแนวทาง
เป้าหมายพื้นฐานของนักเทรดคือการซื้อในราคาต่ำและขายในราคาสูง ด้วยการใช้เครื่องมือหลายประเภท เช่น การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ทางเทคนิค และเชิงปริมาณ เพื่อทำนายแนวโน้มตลาดให้แม่นยำมากขึ้น
การเป็นนักเทรดมืออาชีพไม่ได้จำกัดเพียงการทำเต็มเวลา หลายคนเลือกทำเป็นอาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม ไม่ว่าทำแบบไหน สิ่งสำคัญคือการจำกัดความเสี่ยงและการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ
ความเข้าใจผิดที่บ่อยเกิดขึ้น
“ฉันจะรวยในไม่กี่เดือน”
นี่คือความเข้าใจผิดที่อันตรายที่สุด การเทรดต้องใช้เวลา ความอดทน การศึกษา และการทดลองหลายครั้ง ไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จ
“ต้องเทรดทุกวันจึงจะทำกำไร”
ไม่จริง สไตล์การเทรดแต่ละแบบมีข้อดีของตัวเอง บางคนอาจเทรดแค่ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ยังคงทำกำไรได้
“ยิ่งเทรดมาก ยิ่งกำไรมาก”
ปริมาณการเทรดไม่ใช่ปัจจัยที่ตัดสินหลัก ความเข้าใจตลาด การจัดการความเสี่ยง และการตัดสินใจที่เหมาะสมกว่า
“ไม่มีใครรู้อนาคตของตลาด ทั้งหมด”
จริง ไม่มีเครื่องมือใดสามารถทำนายอนาคตได้แน่นอน สิ่งที่เราทำได้คือวิเคราะห์ประวัติศาสตร์เพื่ออนุมาน
ตัวอย่างนักเทรดชั้นโลก และสิ่งที่เราเรียนรู้
George Soros
สร้างรายได้กว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจที่ลึกซึ้ง และไม่เสี่ยงเงินทุนขนาดใหญ่หากยังไม่แน่ใจ
บทเรียน: การศึกษาวิจัยอย่างละเอียดและการรักษาทุนคือรากฐาน
Andy Krieger
มีชื่อเสียงในการตัดสินใจที่เด็ดขาด รู้จักช่วงเวลาในการซื้อและขายอย่างแม่นยำ และจัดการอารมณ์ได้ดีเยี่ยม
บทเรียน: ควบคุมอารมณ์และการเลือกช่วงเวลาอย่างชาญฉลาด
Bill Lipschutz
ชุกชอบการเทรดตามแนวโน้ม ใช้ประโยชน์จากความผันผวนตลาด และใช้เวลาอย่างโพชิตบบหลวงในการวิเคราะห์ก่อนทุกการเทรด
บทเรียน: ความรอบคอบในการวิเคราะห์สร้างความมั่นใจและผลกำไร
Jim Simmons
นำความรู้คณิตศาสตร์และอัลกอริทึ่มมาใช้ในการเทรด ได้ผลอย่างลวหลอม
บทเรียน: การยอมรับเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ขัดกับการเทรด
Bruce Kovner
เชี่ยวชาญในการจัดการความเสี่ยงทางการเงินและอารมณ์ รู้ว่าต้องเทรดปริมาณเท่าใดเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียครั้งใหญ่
บทเรียน: การจัดการความเสี่ยงคือหัวใจของการเทรดระยะยาว
ใครสามารถเป็นนักเทรดได้
ใครๆ ก็เป็นนักเทรดได้ แต่การสำเร็จขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้:
ความรู้และทักษะ
ต้องเข้าใจตลาด เครื่องมือทางการเงิน และการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง
แผนการเทรดที่มั่นคง
ไม่มีแผนก็ไม่มีทิศทาง ต้องมีกฎ และต้องปฏิบัติตามกฎนั้นอย่างเข้มงวด
กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง
ต้องรู้วิธีใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนและคำสั่งทำกำไรอย่างเหมาะสม
ความฉลาดทางอารมณ์
ความสามารถในการรักษาจิตใจ แสดงถึงความแตกต่างระหว่างสำเร็จและล้มเหลว
เทรดเดอร์มูใหม่ VS มืออาชีพ: ความแตกต่าง
มือใหม่
มืออาชีพ
วิธีทำกำไรสำหรับนักเทรด
1. กำหนดสไตล์ของตัวเอง
ฝึกฝนให้กว่าคุณรู้ว่าสไตล์ไหนเหมาะกับคุณ Day Trading, Scalping, Swing Trading หรืออื่น ๆ
2. เชี่ยวชาญกลยุทธ์เฉพาะ
ไม่ต้องรู้ทั้งหมด แค่เชี่ยวชาญ 1-2 กลยุทธ์ก็พอ เช่น การกระจายความเสี่ยง การตั้งจุดหยุดการขาดทุน และคำสั่งจำกัด
3. ผลกำไรเบื้องต้นสำหรับมือใหม่
ดำเนินการอย่างช้า ๆ วัดผลกำไรและขาดทุนทุก 30 ครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจเร็วเกินไป
4. จัดการอารมณ์
ความสำเร็จส่วนใหญ่มาจากการบริหารจัดการอารมณ์ได้ดี ไม่ใช่ความฉลาด
สรุป
นักเทรดมืออาชีพไม่ใช่คนที่หารวยได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นผู้ที่เลือกที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ปรับตัว และรักษาวินัย ทางเข้าของทุกคนอาจแตกต่างกัน แต่บทเรียนพื้นฐานยังคงเดิม: ศึกษา, ฝึกฝน, บริหารความเสี่ยง, และอดทนนอก หากคุณพร้อมที่จะเริ่มต้น ให้เริ่มจากการศึกษาพื้นฐานและใช้บัญชีทดลอง เพื่อทดสอบกลยุทธ์ของคุณโดยไม่มีความเสี่ยงตัวจริง ความสำเร็จในตลาดการเงินเป็นผลมาจากการเตรียมตัวอย่างดี ไม่ใช่โชค