เห็นแล้ว? กองทุน X ให้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ Sharpe Ratio ของมันก็สูงกว่าด้วย หมายความว่ามันคุ้มค่าต่อความเสี่ยงมากกว่า กองทุน Y ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า แต่เมื่อเทียบกับความเสี่ยง มันไม่คุ้มค่าเท่า
**เปรียบเทียบลูกแอปเปิลต่อลูกแอปเปิล:** คุณสามารถเอา Sharpe Ratio ของกองทุนหรือสินทรัพย์หลายตัวมาเรียงลำดับได้ เพื่อหาว่าตัวไหนให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดีที่สุด
**วัดความสามารถของผู้จัดการ:** หากผู้จัดการกองทุนคนหนึ่งมี Sharpe Ratio ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าเขา/เธอมีทักษะในการหาผลตอบแทนที่ดีโดยไม่เพิ่มความเสี่ยงมากนัก
**เลือกให้ตรงกับความสามารถรับความเสี่ยง:** นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยควรเลือกสินทรัพย์ที่มี Sharpe Ratio ปานกลาง ส่วนคนที่อยากหาผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้มากจึงหันไปหา Sharpe Ratio ที่สูงกว่า
## จุดด้อยของการพึ่ง Sharpe Ratio อย่างเดียว
**เป็นเพียงข้อมูลอดีต:** Sharpe Ratio ที่เห็นในปัจจุบันไม่ได้บอกเราว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้รับประกันว่าจะซ้ำเติมในอนาคต
Halaman ini mungkin berisi konten pihak ketiga, yang disediakan untuk tujuan informasi saja (bukan pernyataan/jaminan) dan tidak boleh dianggap sebagai dukungan terhadap pandangannya oleh Gate, atau sebagai nasihat keuangan atau profesional. Lihat Penafian untuk detailnya.
## ต้องเข้าใจ Sharpe Ratio ถึงจะเลือกลงทุนได้ฉลาด
นักลงทุนหลายคนเน้นดูเพียงอัตราผลตอบแทนอย่างเดียว จนลืมไปว่าความเสี่ยงที่มากับมันมีความสำคัญพอๆ กัน ตัวชี้วัดที่ช่วยให้คุณเห็นภาพที่สมบูรณ์กว่านี้คือ Sharpe Ratio ซึ่งวัดว่าจะได้ผลตอบแทนพิเศษเท่าไรจากการรับความเสี่ยง 1 หน่วย เมื่อเข้าใจความหมายนี้แล้ว การตัดสินใจลงทุนจะกลับมาได้สมเหตุสมผลมากขึ้น
## Sharpe Ratio คือการเปรียบเทียบแบบยุติธรรม
ลองนึกภาพว่าคุณต้องเลือกระหว่างสินค้า 2 ชนิด ชนิดแรกขายแยกทีละชิ้นราคาแพง ชนิดที่สองขายแบบแพ็คราคาถูกต่อชิ้น การเลือกได้ถูกต้องต้องดูราคาต่อหน่วย ไม่ใช่ราคารวม Sharpe Ratio ทำหน้าที่เดียวกัน—มันเปรียบเทียบหลักทรัพย์ต่างชนิดในเงื่อนไขที่ยุติธรรม โดยให้เห็นว่าแต่ละอันให้ผลตอบแทนส่วนเกินเท่าไรต่อ 1 หน่วยของความเสี่ยงที่เราต้องรับ
## สูตรหลักสำหรับคำนวณ Sharpe Ratio
**Sharpe ratio = (ผลตอบแทน - ผลตอบแทนปราศจากความเสี่ยง) / ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน**
แต่ละองค์ประกอบมีความหมายดังนี้:
- **ผลตอบแทน**: ราคาที่ลงทุนให้ผลสำหรับเรา ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหรือหุ้น ในช่วงเวลาที่พิจารณา
- **ผลตอบแทนปราศจากความเสี่ยง**: รายได้จากหลักทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตร หรือเงินฝากธนาคาร ที่ไม่มีความเสี่ยง
- **ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน**: ตัววัดความผันผวน—ยิ่งมากยิ่งมีความเสี่ยงสูง
## ตัวอย่างที่เห็นผลชัดเจน
สมมติมีกองทุน 2 อัน ทั้งคู่ดูน่าสนใจเพราะให้ผลตอบแทนสูง แต่เวลาดูความเสี่ยงแล้ว เรื่องเปลี่ยนไป
**กองทุน X:** ผลตอบแทน 20% ต่อปี, ความผันผวน 20%, Sharpe Ratio = (20% - 5%) / 20% = **0.75**
**กองทุน Y:** ผลตอบแทน 10% ต่อปี, ความผันผวน 10%, Sharpe Ratio = (10% - 5%) / 10% = **0.5**
(สมมติว่าผลตอบแทนปราศจากความเสี่ยงอยู่ที่ 5%)
เห็นแล้ว? กองทุน X ให้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ Sharpe Ratio ของมันก็สูงกว่าด้วย หมายความว่ามันคุ้มค่าต่อความเสี่ยงมากกว่า กองทุน Y ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า แต่เมื่อเทียบกับความเสี่ยง มันไม่คุ้มค่าเท่า
## Sharpe Ratio ที่ดีควรเป็นเท่าไร
ค่า Sharpe Ratio ที่ดีโดยทั่วไปควรมากกว่า 1.0 ซึ่งบ่งชี้ว่าผลตอบแทนส่วนเกินนั้นเพียงพอที่จะชดเชยความเสี่ยงที่เราต้องยอมรับ ยิ่งค่ามากขึ้น ยิ่งดี—หมายความว่าหลักทรัพย์นั้นให้ผลตอบแทนที่ดีทีเด็ดเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ค่าต่ำกว่า 0.5 ถือว่าน่าสงสัย และค่าติดลบแสดงว่าการลงทุนให้ผลต่ำกว่าหลักทรัพย์ปลอดภัย
## วิธีหาค่า Sharpe Ratio ได้ที่ไหน
ส่วนใหญ่แล้ว หน้าเว็บของบริษัทจัดการกองทุนหรือแพลตฟอร์มการลงทุน (รวมถึง Gate.io สำหรับการลงทุนคริปโต) จะแสดงค่า Sharpe Ratio ไว้ในแถบข้อมูลผลการดำเนินงาน ถ้าไม่เห็น คุณสามารถคำนวณเองได้ด้วยสูตรข้างต้น โดยหา ผลตอบแทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำไปแทนลงในสูตร
## ประโยชน์ที่ได้จากการใช้ Sharpe Ratio
**เปรียบเทียบลูกแอปเปิลต่อลูกแอปเปิล:** คุณสามารถเอา Sharpe Ratio ของกองทุนหรือสินทรัพย์หลายตัวมาเรียงลำดับได้ เพื่อหาว่าตัวไหนให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดีที่สุด
**วัดความสามารถของผู้จัดการ:** หากผู้จัดการกองทุนคนหนึ่งมี Sharpe Ratio ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าเขา/เธอมีทักษะในการหาผลตอบแทนที่ดีโดยไม่เพิ่มความเสี่ยงมากนัก
**เลือกให้ตรงกับความสามารถรับความเสี่ยง:** นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยควรเลือกสินทรัพย์ที่มี Sharpe Ratio ปานกลาง ส่วนคนที่อยากหาผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้มากจึงหันไปหา Sharpe Ratio ที่สูงกว่า
## จุดด้อยของการพึ่ง Sharpe Ratio อย่างเดียว
**เป็นเพียงข้อมูลอดีต:** Sharpe Ratio ที่เห็นในปัจจุบันไม่ได้บอกเราว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้รับประกันว่าจะซ้ำเติมในอนาคต
**ไม่ครอบคลุมความเสี่ยงทั้งหมด:** ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็นเพียงการวัดความผันผวน แต่ความเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องหรือความเสี่ยงด้านการจัดการ ยังคงอยู่ อีกนัยหนึ่งคือ ถ้ากองทุนล้มหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน Sharpe Ratio ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้
**อาจทำให้เข้าใจผิดกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมาก:** บางครั้ง สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเกินไปอาจมี Sharpe Ratio สูง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเหมาะสำหรับทุกคน นักลงทุนที่ไม่อยากหัวใจวายเวลาราคาหุ้นตก 50% ในเดือนเดียว ควรหลีกเลี่ยงแม้ว่า Sharpe Ratio จะดูดี
## สรุปนัก
**Sharpe Ratio** เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนเห็นว่าผลตอบแทนที่ได้รับนั้นคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยงหรือไม่ ใช้มันเพื่อเปรียบเทียบสินทรัพย์อย่างยุติธรรม และจับตาผลการดำเนินงานของผู้จัดการ ยิ่ง Sharpe Ratio สูง ยิ่งห่างจากการเสี่ยงตัว แต่อย่าลืมว่ามันคือเพียงส่วนหนึ่งของภาพใหญ่—ประกอบกับการวิจัยอื่นๆ และความรู้สึกส่วนตัวของคุณแล้ว ค่อยตัดสินใจลงทุนดีกว่า